พุทธประวัติกล่าวว่า วันที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์สู่มนุษย์โลก หลังจากเสด็จขึ้น ไปเทศนา โปรดพระพุทธมารดา ณ สวรรค์ชั้นดุสิตตลอดพรรษา คือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 อันเป็นวันสุดท้ายของพรราทรงเสด็จลง มาตามบันไดแก้ว,บันไดทอง, บันไดเงิน บันไดทั้ง 3 ทอดลงมายังประตูนครสังกัสสะ เมื่อเสด็จถึงประตูเมืองเป็นเวลาเช้าตรู่ของวันแรม 9 ค่ำ เดือน 11 อันเป็นวันออกพรรษาพอดี พุทธบริษัททั้งหลายทราบข่าวต่างมาคอยต้อนรับเสด็จอย่างเนืองแน่น เพื่อจะคอยตักบาตร ถวายภัตตาหาร ดอกไม้ธูปเทียน ซึ่งเป็นที่มาของประเพณี “ตักบาตรเทโว” ซึ่งบางคนไม่สามารถเข้าถวายภัตตาหาร เพราะมีคนอย่างล้มหลามที่จะถวายภัตตาหาร ด้วยศรัทธาแรงกล้าของผู้ที่เข้าไม่ถึงพระพุทธองค์จึงเกิดประเพณีทำขนมขึ้นชนิดหนึ่ง ห่อด้วยใบไม้ (ใบจาก ใบเตย)เรียก “ขนมต้ม”หรือห่อต้ม หรือห่อปัดก็เรียก สำหรับโยนและปาจากระยะห่างเข้าไป ถวายได้ ซึ่งความจริงอาจเป็นความสะดวกในการนำพาไปทำบุญ สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานและสะดวก ต่อการนำ พาไปกินเวลาหิวขณะลากพระ ตลอดจนการขว้างปาเล่นกัน (เรียกซัดต้ม) ดังนั้นขนมต้มจึงถือเป็นขนมหลัก เป็นเอกลักษณ์ประจำเทศกาล ดังมีคำกล่าวว่า “เข้าษากินตอก ออกษากินต้ม” คือ ขนมประเพณีประจำเทศกาลเข้าพรรษา คือ ข้าวตอก ส่วนเทศกาลออกพรรษา คือ ขนมต้ม ถือปฏิบัติมาแต่โบราณวันขึ้น15ค่ำเดือน11เป็นการทำบุญออกพรรษาตามปกติบางวัดมีการ ตักบาตรหน้า พระลากเพิ่มเป็นพิเศษ เรียก “ตักบาตรหน้าล้อ” ในตอนกลางคืนระหว่างที่มีพิธี “คุมพระ” (ประโคมพระลาก) อีกด้วยพอถึงวันแรม 11ค่ำเดือน11อันเป็นวันออกพรรษาหลังจากทำบุญที่วัดตาม ปกติแล้วจะมีการลากพระต่ออีก 1-2 วัน อย่างสนุกสนาน มีเพลงลากพระร้องเล่นอีกด้วย
การเตรียมเรือพระ
การเตรียมรถพระหรือรถชักพระทางบก ได้ตกแต่งรถพระกันอย่างประณีตสวยงาม โดยเฉพาะรถพระที่แต่งเป็นเรือพระตั้งอยู่บนรถยนต์ ซึ่งประดิษฐ์เป็นรูปพญานาค 2 ตัว ประดับอยู่ด้านข้างรถยนต้านละ1ตัวสีสันของเรือพระนั้นเด่นสะดุดตาตรงกลางลำเรือก็จะ เป็นที่ตั้งของพระมณฑปภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และที่หัวเรือแต่ละลำ ก็จะมีเชือกขนาดใหญ่ ยาวประมาณ30เมตร ให้ผู้ชักลากตลอดจนผู้มีจิตศรัทธาได้มาออกแรง ลากจูงให้เคลื่อนไปตามจุดพิธีต่างๆเรือพระในที่นี้หมายความว่า เป็นรูปเรือแล้วประดิษฐ์เป็น รูปปูชนียสถานที่สำคัญอยู่ในเรือพระซึ่งอยู่บนรถยนต์ แล้วทำพิธีชักพระหรือลากพระไปทางถนน ถือว่าเป็นพิธีแห่ชักพระทางบกหรือพิธีชักพระทางบก แต่ทว่าพิธีการและกรรมวิธีทั้งหมดให้รวมกันเรียกว่า เรือพระ ซึ่งถือเป็นการเรียกตามชาดกในพุทธกาล โดยมีประเพณีแห่เรือพระ หรือประเพณีแห่เรือพระใน ทางน้ำ ถือเป็นประเพณีแรกที่มีการแห่พระพุทธรูป
1. ลากพระน้ำ การลากพระทางน้ำหรือทางเรือ เรียก “เรือพระ” คือ เอาเรือหลายลำมาเทียบเรียง ขนานผูกติดกันเป็นแพขนาดใหญ่ ประดับ ตกแต่งอย่างประสาทมณฑปอย่างวิจิตร แห่แหนมีเครื่องดนตรีประโคมไฟตาม แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาป
คือการอัญเชิญพระพุทธรูปซึ่งประดับคล้ายหัวเรือท้ายเรือ รูปพญานาค และหางนาคอย่างสวยงาม ลากพระบกมีวิธีการลากเหมือนกับลากพระน้ำ จะต่างกันตรงที่เส้นทางการเดินเรือเท่านั้น การลากพระน้ำจะสนุกกว่าการลากพระบก